วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สอนการสร้างเว็ปไซต์ Blogspot ของ ด.ช.ศรัณย์ สมบุตร

ในปัจจุบันเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะไม่ทำเว็บด้วยการเขียนเว็บเพจทีละหน้าเองแล้ว แต่จะอาศัย CMS (Content Management System) เช่น Wordpress, Joomla! ซึ่งเป็นระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์อย่างอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม
ถ้าผู้อ่านสนใจจะทำ Blog อย่าง enjoyday.net สามารถศึกษาได้จากหัวข้อ การสร้าง Blog หรือสนใจอยากทำเว็บไซต์ด้วย CMS ลองศึกษาจากหัวข้อ  ค่ะ
สำหรับผู้ที่ศึกษาเรื่องการทำ Adsense, Adwords, Affiliate, SEO หรือเรื่องอื่นๆ อยู่ แล้วเจอคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจลองเข้าไปดูได้ที่นี่่ จะพยายามรวบรวมเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุดค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจในแวดวงคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต อ่านได้จาก Categories ที่วางอยู่ด้านขวามือ หรือคลิกที่นี่ หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจทำเว็บไซต์ทั้งหลายนะคะ ^^
หลักสูตรการ นี้จะเน้นไปที่คำสั่ง ภาษา HTML ซึ่งเป็นภาษาใช้ในไม่ว่าจะเป็นเว็บรูปแบบใดก็ตาม แม้แต่เว็บชื่อดัง Hi5, Facebook, Twitter หรือเว็บไชต์อื่น ๆ ทุกเว็บไชต์ใน Internet นั้นต้องถูกสร้างขึ้นมาด้วย ภาษา HTML ทุกเว็บไม่มีข้อยกเว้น การจะสร้างเว็บได้อย่างไม่มีข้อจำกัดนั้น นักพัฒนาเว็บต้องเข้าใจ ภาษา HTML เป็นอย่างดี การใช้ Software อย่างเช่น Dreamweaver เข้ามาช่วยในการสร้างเว็บ สามารถใช้งานได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง หากต้องการเข้าใจแบบแท้จริงนั้น ภาษา HTML ถือเป็นภาษาที่สำคัญมาก

การสร้างเว็บนั้นยังมีเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น Cascading Style Sheets, Web Programming, Database, JavaScript, Flash, Graphic Design, Content Management System, Search Engine Optimization แต่ก่อนที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ เราต้องเข้าใจภาษา HTML ก่อน สำหรับท่านที่มีความตั้งใจอยากจะเข้าใจวิธีการสร้างเว็บอย่างแท้จริง ทางเว็บไชต์โรงเรียนดอทคอม (www.rongrean.com) ได้เปิดอบรมฟรีหลักสูตรสร้างเว็บด้วย ภาษา HTML ถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จริงที่ทางทีมงานอาจารย์ใช้ในการพัฒนาเว็บไชต์มาเกือบ 10 ปี
การเรียนสร้างเว็บให้ได้ผลนั้น สิ่งสำคัญคือต้องลงมือทำด้วยตัวเอง เพื่อให้เข้าใจและจำได้ หลักสูตรการเรียนฟรีนี้จะเน้นให้สร้างเว็บเพื่อใช้งานจริงโดยอาศัยเทคนิคทั้งหมดที่สอนในการสร้าง
ในปัจจุบันเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะไม่ทำเว็บด้วยการเขียนเว็บเพจทีละหน้าเองแล้ว แต่จะอาศัย CMS (Content Management System) เช่น Wordpress, Joomla! ซึ่งเป็นระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์อย่างอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม
ถ้าผู้อ่านสนใจจะทำ Blog อย่าง enjoyday.net สามารถศึกษาได้จากหัวข้อ  หรือสนใจอยากทำเว็บไซต์ด้วย CMS ลองศึกษาจากหัวข้อ  ค่ะ
สำหรับผู้ที่ศึกษาเรื่องการทำ Adsense, Adwords, Affiliate, SEO หรือเรื่องอื่นๆ อยู่ แล้วเจอคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจลองเข้าไปดูได้ที่นี่่ จะพยายามรวบรวมเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุดค่ะ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจในแวดวงคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต อ่านได้จาก Categories ที่วางอยู่ด้านขวามือ หรือคลิกที่นี่ หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจทำเว็บไซต์ทั้งหลายนะคะ ^^

ในการทำ SEO ให้เว็บไซต์ของเรา เช่น การโปรโมทเว็บไซต์ตามเว็บ social bookmark, การแลกลิงค์กับเว็บอื่นๆ, การปรับปรุงใส่คีย์เวิร์ดในส่วนต่างๆ ของเว็บ  ฯลฯ  หลังจากที่เราได้ทำ SEO ไปแล้ว ก็จะต้องติดตามผลด้วย ว่าที่ทำไปนั้น work ได้ผลมากน้อยแค่ไหน 
ใน blog ของเราตามปกติก็จะมีการแบ่งประเภท หรือหมวดหมู่ (Category) ของบทความเรื่องต่างๆ เอาไว้เพื่อความสะดวกในการค้นหา หรือให้ผู้ชมเว็บไซต์เลือกอ่านเรื่องที่สนใจได้ง่าย   ซึ่ง blog ส่วนใหญ่ก็จะแสดงหมวดหมู่เป็นเมนูไว้ที่ด้านข้าง
หน้าแรกของ Blog  เราก็อยากจะทำข้อความต้อนรับ หรือ Stick บทความที่สำคัญ หรือเป็นไฮไลต์เอาไว้ ไม่ให้เปลี่ยนเป็นบทความล่าสุดไปซะทุกครั้ง  สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ  เมื่อเราเขียนข้อความต้อนรับ หรือบทความที่เราอยากจะให้...ไม่แน่ใจว่าคนที่ใช้ตัว Comment ของ “JComment” จะเจอปัญหาเดียวกันหรือเปล่านะคะ เรื่อง “เวลาที่แสดงของ comment ไม่ถูกต้อง”  ทีแรกใช้ๆ ไปก็ไม่ได้สังเกตเรื่องเวลา เพราะเราไม่ได้เป็นคน comment แต่พอไปตอบ comment ก็เอ๊ะเวลามันแปลกๆ  ถ้าเจอปัญหาเดียวกัน

ที่มาของ Blog



คำว่า "WeBlog" ถูกใช้เป็นครั้งแรกโดย John Barger ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1997 ต่อมา Peter Merholz ได้ตัดคำให้สั้นลง เหลือแต่ "Blog" แทนในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1999 จนกระทั่ง วันที่ 13 มีนาคม ค.ศ.2003 Oxford English Dictionary ก็ได้บรรจุคำว่า Blog นี้ในพจนานุกรม ซึ่งแสดงถึงการได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ
    ในอดีตแรกเริ่มนั้น คนที่เขียน Blog จะเขียนกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเพจเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้ใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย ได้แก่ WordPress, Movable Type เป็นต้น
    โดยเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog ถือกำเนิดขึ้นจากการเขียนเป็นงานอดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่างๆ และหลาย แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จนกระทั่งในปี ค.ศ.2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่างๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองเล็กๆ จนถึงเรื่องราวการประชุมระดับชาติ
    ซึ่งในปี ค.ศ.2004 "Blog" เป็นคำที่ถูกค้นหามากที่สุดใน Merriam-Webster.com และ เว็บ Kapook.com เป็นเว็บแรกที่เลือกนำเอา Blog มาให้คนไทยได้ใช้งานกัน โดยทางเว็บได้แจ้งสมาชิกไว้ว่า Blog นี้มีอิสระใครอยากเขียนเรื่องอะไรก็ได้
    ในปี ค.ศ.2005 92.4% ของบล็อกเกอร์ อายุต่ำกว่า 30 ปี
    ปลายปี 2005 จำนวนบล็อกทั่วโลก คือ 54.3 ล้านบล็อก
    ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลกหันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq โดย กลุ่มวัยรุ่นอายุ 13-19 ปี คือ บล็อกเกอร์ที่มีจำนวนมากที่สุด

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Blogspot คืออะไร ?

Blogspot คืออะไร ?

มารู้จักความหมาย ของประโยคคำถาม ที่มักจะมีคนถามผมบ่อย ๆ เวลาไปบรรยายตามที่ต่าง ๆ ว่า “Blog คืออะไร” กันดีกว่าครับ
Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประ ท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจาก การเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สอนการสร้างเว็ปไซต์ของBlogspot

สอนการสร้างเว็ปไซต์ของ Blogspot 


ในปัจจุบันเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะไม่ทำเว็บด้วยการเขียนเว็บเพจทีละหน้าเองแล้ว แต่จะอาศัย CMS (Content Management System) เช่น Wordpress, Joomla! ซึ่งเป็นระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์อย่างอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม
ถ้าผู้อ่านสนใจจะทำ Blog อย่าง enjoyday.net สามารถศึกษาได้จากหัวข้อ การสร้าง Blog หรือสนใจอยากทำเว็บไซต์ด้วย CMS ลองศึกษาจากหัวข้อ  ค่ะ
สำหรับผู้ที่ศึกษาเรื่องการทำ Adsense, Adwords, Affiliate, SEO หรือเรื่องอื่นๆ อยู่ แล้วเจอคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจลองเข้าไปดูได้ที่นี่่ จะพยายามรวบรวมเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุดค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจในแวดวงคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต อ่านได้จาก Categories ที่วางอยู่ด้านขวามือ หรือคลิกที่นี่ หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์หลายนะคะ ^^
หลักสูตรการ นี้จะเน้นไปที่คำสั่ง ภาษา HTML ซึ่งเป็นภาษาใช้ในไม่ว่าจะเป็นเว็บรูปแบบใดก็ตาม แม้แต่เว็บชื่อดัง Hi5, Facebook, Twitter หรือเว็บไชต์อื่น ๆ ทุกเว็บไชต์ใน Internet นั้นต้องถูกสร้างขึ้นมาด้วย ภาษา HTML ทุกเว็บไม่มีข้อยกเว้น การจะสร้างเว็บได้อย่างไม่มีข้อจำกัดนั้น นักพัฒนาเว็บต้องเข้าใจ ภาษา HTML เป็นอย่างดี การใช้ Software อย่างเช่น Dreamweaver เข้ามาช่วยในการสร้างเว็บ สามารถใช้งานได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง หากต้องการเข้าใจแบบแท้จริงนั้น ภาษา HTML ถือเป็นภาษาที่สำคัญมาก

การสร้างเว็บนั้นยังมีเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น Cascading Style Sheets, Web Programming, Database, JavaScript, Flash, Graphic Design, Content Management System, Search Engine Optimization แต่ก่อนที่จะเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ เราต้องเข้าใจภาษา HTML ก่อน สำหรับท่านที่มีความตั้งใจอยากจะเข้าใจวิธีการสร้างเว็บอย่างแท้จริง ทางเว็บไชต์โรงเรียนดอทคอม (www.rongrean.com) ได้เปิดอบรมฟรีหลักสูตรสร้างเว็บด้วย ภาษา HTML ถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จริงที่ทางทีมงานอาจารย์ใช้ในการพัฒนาเว็บไชต์มาเกือบ 10 ปี
การเรียนสร้างเว็บให้ได้ผลนั้น สิ่งสำคัญคือต้องลงมือทำด้วยตัวเอง เพื่อให้เข้าใจและจำได้ หลักสูตรการเรียนฟรีนี้จะเน้นให้สร้างเว็บเพื่อใช้งานจริงโดยอาศัยเทคนิคทั้งหมดที่สอนในการสร้าง
ในปัจจุบันเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะไม่ทำเว็บด้วยการเขียนเว็บเพจทีละหน้าเองแล้ว แต่จะอาศัย CMS (Content Management System) เช่น Wordpress, Joomla! ซึ่งเป็นระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์อย่างอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม
ถ้าผู้อ่านสนใจจะทำ Blog อย่าง enjoyday.net สามารถศึกษาได้จากหัวข้อ  หรือสนใจอยากทำเว็บไซต์ด้วย CMS ลองศึกษาจากหัวข้อ  ค่ะ
สำหรับผู้ที่ศึกษาเรื่องการทำ Adsense, Adwords, Affiliate, SEO หรือเรื่องอื่นๆ อยู่ แล้วเจอคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจลองเข้าไปดูได้ที่นี่่ จะพยายามรวบรวมเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุดค่ะ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจในแวดวงคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต อ่านได้จาก Categories ที่วางอยู่ด้านขวามือ หรือคลิกที่นี่ หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจทำเว็บไซต์ทั้งหลายนะคะ ^^

ในการทำ SEO ให้เว็บไซต์ของเรา เช่น การโปรโมทเว็บไซต์ตามเว็บ social bookmark, การแลกลิงค์กับเว็บอื่นๆ, การปรับปรุงใส่คีย์เวิร์ดในส่วนต่างๆ ของเว็บ  ฯลฯ  หลังจากที่เราได้ทำ SEO ไปแล้ว ก็จะต้องติดตามผลด้วย ว่าที่ทำไปนั้น work ได้ผลมากน้อยแค่ไหน 
ใน blog ของเราตามปกติก็จะมีการแบ่งประเภท หรือหมวดหมู่ (Category) ของบทความเรื่องต่างๆ เอาไว้เพื่อความสะดวกในการค้นหา หรือให้ผู้ชมเว็บไซต์เลือกอ่านเรื่องที่สนใจได้ง่าย   ซึ่ง blog ส่วนใหญ่ก็จะแสดงหมวดหมู่เป็นเมนูไว้ที่ด้านข้าง
หน้าแรกของ Blog  เราก็อยากจะทำข้อความต้อนรับ หรือ Stick บทความที่สำคัญ หรือเป็นไฮไลต์เอาไว้ ไม่ให้เปลี่ยนเป็นบทความล่าสุดไปซะทุกครั้ง  สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ  เมื่อเราเขียนข้อความต้อนรับ หรือบทความที่เราอยากจะให้...ไม่แน่ใจว่าคนที่ใช้ตัว Comment ของ “JComment” จะเจอปัญหาเดียวกันหรือเปล่านะคะ เรื่อง “เวลาที่แสดงของ comment ไม่ถูกต้อง”  ทีแรกใช้ๆ ไปก็ไม่ได้สังเกตเรื่องเวลา เพราะเราไม่ได้เป็นคน comment แต่พอไปตอบ comment ก็เอ๊ะเวลามันแปลกๆ  ถ้าเจอปัญหาเดียวกัน

การทำ SEO แบบ On-page Optimization การปรับแต่งเว็บเกี่ยวกับปัจจัยภายใน หรือส่วนต่างๆ ของหน้าเว็บ ได้แก่ การวางโครงสร้างเว็บ, การเขียนโค้ดในหน้าเว็บเพจ และการเขียนเนื้อหาให้เหมาะกับ Search Engine  รวมถึงการกระจายคีย์เวิร์ดในส่วนต่างๆ   ผู้อ่านควรมีมีพื้นฐานในการเขียนเว็บเพจด้วย...

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผู้ที่คิดค้นเว็ปไซต์ Blogspot



ผู้ที่คิดค้นเว็ปไซต์ Blogspot
Tim Berners-Lee
    ต้องขอบอกว่า ถ้าไม่มีอีตานี่โลกเราจะไม่มีคำว่า World Wide Web ครับเพราะเค้าคนนี้คือ คนที่ คิดค้น www ขึ้นบนโลก. Tim Berners-Leeเป็นลูกของสองนักคณิตศาสตร์ระดับโลก Convey และ ?Mary Berners-Leeซึ่งเป็นทีมสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ Manchester Mark 1เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก?ในปี 2532 Tim Berners-Lee ทำงานเป็นFreeLance อยู่ที่ CERN (ศูนย์วิจัยเรื่องนิวเคลียร์ของยุโรป)ซึ่งเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ ที่สุดของยุโรปเขาได้คิดค้นระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อมันผนวกเข้ากับ TCP และ DNSล่ะก็ มันจะเป็นความสุดยอดของ HyperText แน่นอนและหลังจากนั้นมันจึงกลายเป็น ?World Wide Web ครับ ?เมื่อปี 2548เขาได้รับรางวัล 1 ในร้อยบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อคนทั้งโลกมากที่สุด และในปี2550 Tim Berners-Lee ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝ่ายหน้าจากสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซา เบทที่สอง เป็นการส่วนพระองค์ทำให้ตอนนี้เค้ากลายเป็น Sir Tim Berners-Lee ไปแล้วครับ?ผลงานการ Hackของ Tim Berners-Lee ไม่เป็นที่ปรากฏ แต่ว่าเรื่องนี้ก็ทำให้เค้าโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย Oxford ล่ะครับ ปล.เว็บไซต์แรกของโลกคือ Welcome to info.cern.ch สร้างขึ้นโดย Tim Berners-Lee นี่แหละครับ

ประโยชน์ที่ได้รับจากเว็ปไซต์ Blogspot


ประโยชน์ที่ได้รับจากเว็ปไซต์ Blogspot
• จังหวัด 75 จังหวัด มีระบบคลังข้อมูลที่มีข้อมูลถูกต้อง ทันสมัย เป็นมาตรฐาน สามารถจะแลกเปลี่ยนระหว่างส่วนราชการ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
• ข้อมูลของศูนย์ข้อมูลกลางกระทรวงมหาดไทยและจังหวัด มีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล ทำให้ข้อมูลไม่ถูกลักลอบแก้ไข นำไปใช้ และทำลาย
• กระทรวงมหาดไทยและจังหวัด (ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเขต จำนวน 6 เขต) มีระบบจัดเก็บข้อมูลที่ใช้บริการอยู่เสมอ (Cache Server) ซึ่งจะทำให้การติดต่อทางอินเทอร์เน็ต รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
• นายกรัฐมนตรี ผู้บริหารกระทรวง มีข้อมูลที่ถูกต้องทันสมัยทั้งระบบ EIS และ GIS ใช้สำหรับการตัดสินใจ การสั่งการ การกำหนดนโยบายและแผนในการพัฒนาแก้ไขปัญหาประเทศและบริการประชาชน
• ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเป็นปัจจุบันและหลากหลายด้านมากขึ้น จากศูนย์ข้อมูลกลางกระทรวงมหาดไทย โดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต

วัตถุประสงค์จาก Blogspot

วัตถุประสงค์จาก Blogspot
• เพื่อจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางกระทรวงมหาดไทยและจังหวัดโดยรวบรวมข้อมูลผ่านทางระบบเครือข่าย
• บูรณาการข้อมูลจากฐานข้อมูลของส่วนราชการ จัดรูปแบบและแปลงข้อมูลให้อยู่ในมาตราฐานเดียวกันกับศูนย์ข้อมูลระดับชาติ (NOC) และระดับกระทรวงต่างๆ
• จัดทำระบบมาตรฐานของข้อมูล และการจัดเก็บข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย ให้มีรูปแบบมาตราฐาน เพื่อไม่ให้สับสนและซ้ำซ้อน
• จัดทำระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูล การนำเสนอข้อมูลแก่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงและส่วนราชการต่างๆ รวมทั้งการให้บริการประชาชน

หลักการและเหตุผล Blogspot

หลักการและเหตุผลBlogspot
     ตามแผนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ. 2545 – 2549 มีแผนงานกำหนดให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลภายในทุกกระทรวง สำหรับการตัดสินใจของผู้บริหารของส่วนราชการ และการให้บริการประชาชน รวมทั้งตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ (Government Data Exchange : GDX) เพื่อแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐระหว่างกระทรวงด้วยมาตรฐานเดียวกัน ผ่านเครือข่ายระบบสื่อสารความเร็วสูงที่มีการกำกับการเข้าถึงข้อมูลที่เหมาะสม
     สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยซึ่งรับผิดชอบในการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อให้ผู้บริหารในระดับกระทรวงและจังหวัดใช้งานเพื่อการบริหารราชการ จึงต้องจัดทำฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนวิเคราะห์ กลั่นกรองข้อมูลเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญและจำเป็น เพื่อให้ผู้บริหารทั้งในส่วนกลางและจังหวัด ใช้ในการบริหารราชการ ตัดสินใจ และการวินิจฉัยสั่งการ รวมทั้งสามารถให้กระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่จัดเก็บซ้ำซ้อน ทั้งนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบข้อมูลในแต่ละเรื่องจะเป็นผู้จัดเก็บเอง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง รับผิดชอบจัดเก็บข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน โดยกำหนดมาตรฐานของข้อมูลให้สามารถแลกเปลี่ยนกันได้
      ในการนี้ การจัดทำศูนย์ข้อมูลกลางกระทรวงมหาดไทยและจังหวัด จะดำเนินการคัดแยกข้อมูลเป็น 2 ส่วน คือ ข้อมูลสำหรับการบริหารราชการของส่วนราชการผ่านระบบ Internet และข้อมูลสำหรับให้บริการแก่ประชาชนในระดับกระทรวงและระดับจังหวัด โดยผ่านระบบ Internet
       ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยมีเครือข่ายระบบสื่อสารความเร็วสูงเชื่อมโยงกับ 14 กระทรวงและอยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมโยงให้ครบทุกกระทรวง โดยเชื่อมโยงกับส่วนราชการต่างๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 50 ส่วนราชการ ทั้งในส่วนกลางและจังหวัด ซึ่งใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการเชื่อมโยงระบบข้อมูลในปัจจุบัน เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยนี้ สามารถจะเป็นเครือข่ายระบบสื่อสารข้อมูลภาครัฐของประเทศได้โดยไม่ต้องลงทุนซ้ำซ้อนขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลให้บรรลุเป้าหมายในการดำเนินการในลักษณะรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ตามที่ระบุไว้ในแผนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย พ.ศ. 2545 – 2549 ได้